พี่ใหญ่มาแล้ว! ‘คาร์ร่า’ ร่ายยาวอัด ‘โม’ สมที่รอคอย

พี่ใหญ่มาแล้ว! ‘คาร์ร่า’ ร่ายยาวอัด ‘โม’ สมที่รอคอย

เจมี่ คาร์ราเกอร์ ร่ายยาวสมกับที่แฟนๆ รอคอย ตราหน้า โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ว่าเป็น “พวกหน้าไม่อาย” พร้อมกล่าวหาว่าเขาพยายาม “สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง” ให้กับ ลิเวอร์พูล ในการให้สัมภาษณ์ที่ดุเดือดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ซาล่าห์ ให้สัมภาษณ์อย่างดุเดือดกับผู้สื่อข่าวที่สนาม เอลแลนด์ โร้ด โดยกล่าวหาว่าสโมสรพยายามกดดันเขา และกล่าวว่าเขาไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับ อาร์เน่อ สล็อท ผู้จัดการทีม

เรื่องนี้ส่งผลให้ดาวเตะชาวอียิปต์รายนี้ถูกตัดชื่อออกจากทีม ลิเวอร์พูล สำหรับเกมแชมเปี้ยนส์ลีกกับอินเตอร์ มิลาน ในวันอังคารนี้

แฟนบอลต่างเฝ้ารอแอคชั่นจาก คาร์ราเกอร์ ก่อนรายการ Monday Night Football ทางช่อง

Sky Sports

ซึ่งกูรูรายนี้จะร่วมวิเคราะห์เกมระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ วูล์ฟส์

คาร์ราเกอร์ กล่าวว่า ซาล่าห์ รอช่วงจังหวะที่ ลิเวอร์พูล เจอกับผลการแข่งขันที่ย่ำแย่ก่อนจึงจะให้สัมภาษณ์อย่าง “มีแบบแผน” เพื่อสร้างความเสียหายให้กับสโมสรและตำแหน่งของ สล็อท

“ผมคิดว่าสิ่งที่เขาทำหลังเกมเป็นเรื่องน่าอับอาย”

คาร์ราเกอร์ กล่าว

“บางคนมองว่ามันเป็นอารมณ์ที่พรั่งพรูออกมา แต่ผมไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น”

“ผมคิดว่าทุกครั้งที่ โม ซาล่าห์ หยุดให้สัมภาษณ์ในมิกซ์โซน ซึ่งเขาทำมาแล้วถึงสี่ครั้งในรอบแปดปีที่ลิเวอร์พูล มันจะถูกวางแผนโดยเขาและเอเยนต์ของเขาเพื่อสร้างความเสียหายสูงสุด และเพื่อเสริมความชอบธรรมให้กับตำแหน่งของเขาเอง”

“เขาทำแบบนั้นเมื่อ 12 เดือนที่แล้ว และผมเคยเรียกร้องให้เขามาออกรายการเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเล่นกับความรู้สึกที่แฟนบอล ลิเวอร์พูล รู้สึกได้”

“ลิเวอร์พูล เป็นจ่าฝูงของลีก และเขายิงประตูชัยที่ เซาแธมป์ตัน นั่นเป็นเวลาที่เหมาะจะออกมากดดันเจ้าของทีมลิเวอร์พูล ตลอดฤดูกาลที่เหลือ คุณจะเห็นป้ายจากแฟนๆ ที่เขียนว่า “จ่ายเงิน โม เถอะ””

“เขาเลือกที่จะทำแบบนี้ในสุดสัปดาห์นี้ และเขาก็รอผลการแข่งขันที่ย่ำแย่ พวกเขาเสียประตูในนาทีสุดท้าย กองเชียร์ลิเวอร์พูล ผู้จัดการทีม และสโมสรทั้งหมดรู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ในตอนนี้ และเขาเลือกช่วงเวลานั้นที่จะเล่นงานผู้จัดการทีม และอาจจะพยายามให้เขาโดนไล่ออก”

“นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“สิ่งที่ผมรู้สึกมากที่สุดคือ ‘ถูกโยนความผิด’ เขาพยายามโยนความผิดให้สโมสรถึงสองครั้งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาจากสถานการณ์ต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น”

“ครั้งแรกคือการโยนให้เจ้าของทีม ซึ่งก็คือเจ้าของทีมที่จ่ายเงินให้เขาหลายแสนปอนด์มาเป็นเวลาหกปี เขาเคยเรียกร้องเมื่อปีที่แล้ว เพราะพวกเขาไม่ยอมต่อสัญญาใหม่ให้เขาตอนอายุ 32 ปี แต่สโมสรก็มีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้น”

“ในครั้งนี้เป็น ผู้จัดการทีม ซาล่าห์ ควรจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อช่วยให้สโมสรหลุดพ้นจากผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1950 แต่เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น”

คาร์ราเกอร์ ยังเปรียบเทียบ ซาล่าห์ กับดาวดังระดับโลกคนอื่นๆ รวมถึง ลิโอเนล เมสซี, คริสเตียโน โรนัลโด้ และ คิลิยัน เอ็มบัปเป้

เขายอมรับว่านักเตะระดับตำนานมักจะ ‘ได้รับสิทธิพิเศษ’ โดยอ้างว่า ซาล่าห์ ได้รับอภิสิทธิ์ไม่ต้องเล่นเกมรับที่ ลิเวอร์พูล เพื่อให้เขาได้เพิ่มศักยภาพในการเล่นเกมรุกอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม คาร์ราเกอร์ ชี้ว่า แม้ความมุ่งมั่นของนักเตะจะเป็นประโยชน์ในการผลักดันให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายและเป้าหมายใหม่ๆ แต่มันอาจส่งผลเสียต่อทีมในสถานการณ์เช่นนี้

“เขาเป็นบุคคลระดับตำนาน และนักเตะทุกคนล้วนได้รับสิทธิพิเศษ เช่นเดียวกับที่ ซาล่าห์ ได้รับที่ลิเวอร์พูล นั่นคือเขาไม่จำเป็นต้องเล่นเกมรับ เขาไม่จำเป็นต้องลงมาช่วยไล่บอล” คาร์ราเกอร์ กล่าวต่อ

“นั่นคือสิ่งที่เขาได้รับที่ ลิเวอร์พูล แต่เมื่อเราพูดถึงการโยนความผิดให้คนอื่น เขากลับโยนความผิดให้ ลิเวอร์พูล ซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงแปดปี ลองนึกภาพการเล่นอยู่เบื้องหลังเขาตลอดแปดปีสิ”

“แต่เรายอมรับ เพราะเขาคือซูเปอร์สตาร์ และเขายิงไปแล้ว 250 ประตู และเขาทำให้ผมในฐานะแฟนบอล ลิเวอร์พูล มีค่ำคืนที่วิเศษที่สุดในชีวิต จากการได้ดูเขาทำผลงาน”

“คุณลองนึกถึงอีโก้ของนักเตะอย่าง เมสซี่, โรนัลโด้, เอ็มบัปเป้, และซาลาห์ดูสิ ผมคิดว่าพวกเขารู้สึกว่าความสำเร็จของสโมสรฟุตบอลขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเอง ผมไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนั้น เพราะผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่ผลักดันให้พวกเขาทำประตูได้มากขึ้น ประสบความสำเร็จมากขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อ ลิเวอร์พูล”

“มันจะกลายเป็นปัญหาเมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ และเมื่อ ซาล่าห์ พูดถึงจำนวนประตูที่เขายิงได้และผลงานในฤดูกาลที่แล้ว เขามักจะพูดถึงตัวเองเสมอ”

คาร์ราเกอร์ ชี้ให้เห็นถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากของ ซาล่าห์ ที่ เชลซี ก่อนจะกลับมาเล่น พรีเมียร์ลีก หนที่สองกับสโมสร และความล้มเหลวในการคว้าแชมป์แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ กับ อียิปต์ เพื่อย้ำว่าแม้แต่นักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมทีมเพื่อประสบความสำเร็จ

“ผมอยากเตือน โม ซาล่าห์ และเอเยนต์ของเขาว่า ก่อนที่เขาจะย้ายมา ลิเวอร์พูล เขาเป็นที่รู้จักในฐานะคนที่ล้มเหลวกับ เชลซี นั่นคือความจริง”

“อียิปต์ เป็นชาติที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดใน แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ แต่ ซาล่าห์ ไม่เคยคว้าแชมป์ แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ เลย ผมไม่ได้พยายามจะดูถูก ซาล่าห์ ในฐานะนักเตะ ผมแค่บอกว่าเขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกในช่วงแปดปีที่ผ่านมา มีคนเก่งกว่าเขาน้อยมากๆ”

“แต่สิ่งที่อยากจะบอก ซาล่าห์ และเอเยนต์ของเขาคือ มันไม่ได้เกี่ยวกับตัวเขาคนเดียวเลย คุณไม่ได้เป็นนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ก่อนที่จะมา ลิเวอร์พูล คุณไม่ได้คว้าแชมป์อะไรกับ อียิปต์ เลย และนั่นก็บอกได้แค่ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเตะที่เก่งแค่ไหน คุณก็ต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมทีม ผู้จัดการทีม และแฟนๆ”

“มันสำคัญจริงๆ ที่เขาต้องจำเรื่องนี้ไว้ และเมื่อเขาพูดถึงเรื่องนั้นในมิกซ์โซนหลังเกม สิ่งเดียวที่เขาพูดถึงก็คือตัวเขา ตัวเขา และตัวเขา”

ที่มา: soccersuck