‘วัลคอตต์’ คาใจ! อัด ‘แข้งผู้ดี’ เมินมาสคอตต์ป่วยอัลไซเมอร์

ธีโอ วัลคอตต์ ร่ายยาววิจารณ์บรรดาแข้งทีมชาติอังกฤษที่แสดงออกเหมือน “ลืม” ไปแล้วว่า มาสคอตที่ร่วมลงสนามก่อนเกมกระชับมิตรกับ เวลส์ กับพวกเขานั้นป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม

แฟนบอล 22 คนที่ป่วยเป็นโรคนี้ ถูกเชิญให้เป็นมาสคอตในเกมกระชับมิตรที่สนาม เวมบลีย์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อระดมทุนให้กับมูลนิธิโรคอัลไซเมอร์

พวกเขาได้ร่วมเดินลงสนามมาพร้อมกับนักเตะทั้งทีมชาติ อังกฤษ และ เวลส์ ต่อหน้าแฟนบอลกว่า 78,000 คน และร่วมร้องเพลงชาติกับนักเตะ

หลังจบครึ่งแรก ทั้งสองทีมกลับลงสนามโดยไม่มีชื่อปรากฏด้านหลังเสื้อ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการสูญเสียความทรงจำ ซึ่งเป็นหนึ่งในอาการที่พบบ่อยที่สุดของภาวะสมองเสื่อม

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทีมชาติอังกฤษร่วมมือกับมูลนิธิ Alzheimer’s Society และความร่วมมือนี้สามารถระดมเงินได้มากกว่า 1.2 ล้านปอนด์เพื่อการกุศลในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา

แคมเปญนี้ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่ามีความสำคัญและเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกจากแฟนๆ แต่ วัลคอตต์ อดีตปีกทีมชาติอังกฤษและอาร์เซนอล กลับรู้สึกไม่สบายใจกับบางแง่มุม

วัลคอตต์ ได้เข้าร่วมชมเกมการแข่งขันเพื่อรับ “หมวกเกียรติยศ” และกล่าวว่าเขา “สังเกตเห็น” มาสคอตสองคนที่ถูก “ลืม” โดยนักเตะทีมชาติอังกฤษระหว่างการร่วมร้องเพลงชาติ โดยมาสคอตรายหนึ่งถูกกระทำราวกับเมินเฉยปล่อยทิ้งไว้อยู่บนรถเข็น

“ส่วนใหญ่ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดีนะ แต่จะขอเริ่มด้วยแง่ลบก่อน เพราะการได้ไปดูเกมกับ เวลส์ แน่นอนว่ามันเป็นเกมกระชับมิตร และคุณไม่มีทางรู้เลยว่าจะได้เจอเกมแบบไหน” เขากล่าวกับ The Overlap US

“ผมคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่สวยงามมากตอนที่ผมได้รับหมวกเกียรติยศ มีวิดีโอเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อมในเกม และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้คนจำนวนมากต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคนี้”

“พวกเขามีช่วงเวลาที่สวยงามมากตอนที่มาสคอตออกมา ซึ่งมันน่าทึ่งมาก คนสูงวัยลงสนาม และนักกีฬาก็อำลามาสคอตไป เป็นช่วงเวลาที่น่าทึ่งมาก

“ยังไงก็เถอะนะ ผมสังเกตเห็นว่าระหว่างการร้องเพลงชาติ พวกเขาดูไม่สนใจมาสคอตสองคนตรงนั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นต้องนั่งรถเข็นด้วย”

“ทั้งที่จริงๆ แล้ว พวกเขาก็ออกมาพร้อมกัน และเมื่อชาวเวลส์ร้องเพลงชาติ พวกเขารวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และมาสคอตก็อยู่ร่วมกันกับพวกเขา”

“เรื่องที่น่าเศร้าของอังกฤษ… และไม่มีใครเห็น ไม่มีใครรู้… ผู้คนอาจมองข้ามมัน เพราะพวกเขาอาจสนใจแต่ผลงาน ซึ่งก็โอเค”

“อย่างไรก็ตาม มันทำให้ผมหงุดหงิดจริงๆ เมื่อเห็นนักเตะที่กำลังจะลงสนาม แล้วคิดว่าพวกเขามีตระหนักรู้กันจริงหรือไม่? พวกเขารู้จริง ๆ หรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่? พวกเขารู้เรื่องการกุศลหรือเปล่า?”

“บางครั้งนักเตะก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ากำลังทำอะไรอยู่ และนั่นคือเรื่องที่น่าหงุดหงิด พวกเขาควรจะตระหนักได้ เพราะการรับรู้ถึงโรคนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก”

“ผมไม่ชอบที่จะหยิบยกผู้เล่นคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ แต่มันแสดงให้เห็นถึงความคิดที่ผู้คนและผู้เล่นลืมเลือนพวกเขาเหล่านั้นไป”

“มันเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจและน่าเศร้ามากตอนที่ผมเห็นชายคนนั้นนั่งรถเข็น ขอพระเจ้าอวยพรเขา เขาอยู่ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 1966 และ เซอร์เจฟฟ์ เฮิร์สต์ ก็ได้ถ่ายวิดีโอส่งใหกับเขา ผมพูดกับสุภาพบุรุษท่านนี้ว่า เขาจะมาเป็นมาสคอต และแน่นอนว่าเขากำลังถูกทิ้งเอาไว้”

“แล้ว [ระหว่าง] ร้องเพลงชาติ ตัวตนของเขาก็หายไป ตรงที่นักเตะอังกฤษทุกคนมารวมใจกัน ซึ่งมันทำใจยากกับเรื่องนี้ เพราะไม่มีใครพยายามช่วยเขาเลย”

“ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้มาก แต่ผมรู้สึกว่ามันสำคัญที่ต้องตระหนักว่า ใช่ คุณเป็นนักฟุตบอล แต่คุณก็มีความรับผิดชอบในการดูแลมาสคอตของพวกคุณด้วยอยู่บ้าง”

“ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะเป็นเด็กหรือโตแล้ว และผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมโกรธตลอดการเดินลงสนามของทีมชาติอังกฤษ”

“คุณต้องตระหนักว่าครอบครัวต่าง ๆ ได้เห็นเรื่องราวทั้งหมดนี้แล้ว พวกเขาจะจำมันได้ ในตอนนั้น มาสคอต อาจจำอะไรไม่ได้ และนั่นคือความจริงที่น่าเศร้าหากพวกคุณได้ลองคิดทบทวนดู”

“ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก แต่มันน่าเศร้ามากที่เห็น ผมคิดว่าสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) ควรมองตัวเองในแง่นั้น”

“พวกเขา [FA] ยอดเยี่ยมมาก อย่างไรก็ตาม ประเด็นแบบนี้… ผมเห็นมัน แต่แทบไม่มีใครใส่ใจเลย มันเลยน่าสนใจเอามากๆ”

ที่มา: soccersuck