“หงส์” เล่นบอลซับซ้อนเกิน
ชัยชนะนัดแรกของ ลิเวอร์พูล เหนือ บอร์นมัธ 3-1 มีทั้งเรื่องดีๆและปัญหาที่ถูกขุดขึ้นมาว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ มองเห็นอะไรมากน้อยแค่ไหน
ขอเอาเรื่องดีๆก่อนคือ “ดอม” โดมินิก โซบอสซ์ไล ฉายแววเกมนี้เต็มๆ จังหวะการเล่นมาแล้ว, พลังไดนาโมวิ่งไล่แย่งบอลรวมถึงการกระชากบอลสวยๆเกมนี้มาครบ
ประตูหนีห่าง 3-1 ของ ดิโอโก้ โชต้า มาจากการยิงไกลติดเซฟ เนโต้ ซึ่งเป็นประตูช่วยชีวิต “หงส์แดง” หลังเหลือ 10 ตัวก่อนหน้านั้น 4 นาที
ถ้าลูกนี้ไม่มานึกไม่ออกเลยครับว่าตอนสกอร์ขี่ๆกัน 2-1 จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับแนวรับ
ครับเรื่องไม่ดีที่ผมอยากถามก็คือมันมีความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องให้ เทรนต์ มารับบอลต่ำทับกับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์
ฤดูกาลที่แล้ว เยอร์เก้น คล็อปป์ หุบ เทรนต์ เป็นตัว extra เนื่องจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ฟาบินโญ่ เป็นตัวรับและทำได้แค่จ่ายบอลพื้นๆ
จึงต้องเอามาช่วยเพิ่มมิติจ่ายบอลยาวสลับสั้นเพื่อสร้าง movement ในพื้นที่อื่นๆ
แต่ในเมื่อช่วงนี้ใช้ AMA ยืนเบอร์ 6 ตำแหน่งทับกันเต็มๆ ให้แชมป์โลกมายืนรับก็ว่าเสียของแล้วแต่ทำหน้าที่เหมือนกัน ยืนเหมือนกัน ตั้งบอลเหมือนกัน
นอกจากไม่มีประโยชน์แล้วเป็นการฝืนตัวเองไปโดยปริยาย
ลูกที่เสียนี่คือตัวอย่างชัดเจนที่ VvD เลือกจ่ายให้ เทรนต์ (ซึ่งผมมองว่าจ่ายแรงไปนิด) โดยที่มีคู่แข่งยืนใกล้ๆ 2 คนทั้งๆที่ โกนาเต้ ถ่างออกไปริมเส้นยืนโล่งมาก
นี่คือการรับ “บรีฟ” จาก JK ที่ต้องการให้ TAA ตั้งบอลโดยไม่สนใจสภาพแวดล้อมใดๆและ เทรนต์ ไม่ใช่คนที่พลิกบอลหันหลังเล่นบอลดีเด่อะไรเมื่อเทียบกับ “แม็ค”
ตัวสุดท้าย deep line playmaker ต้องเสียบอลยากมีความนิ่งกับบอล มันห้ามเสียเพราะมันจะโดนแบบที่เห็นนี่แหละ ขนาด ธิอาโก้ มายืนเล่นตรงนี้พวกเรายังเสียวเลย
หรือ JK คิดแค่ว่าต้องการต่อยอดจากที่มันเคยเวิร์คเมื่อครึ่งฤดูกาลหลังที่ผ่านมา?
ในเมื่อมี โซโบ กับ แม็ค ตรงกลางแล้วผมเชื่อว่าการให้ เทรนต์ ไป invert ริมเส้นอย่างเก่าเพื่อเพิ่มอาวุธครอสบอลจากริมเส้นจะสร้างความสมดุลให้เกมรุกได้หลากหลายกว่ามายืนรับบอลสั้นๆแย่งกับแม็ค
เป็น ลิเวอร์พูล ที่ผมรู้สึกว่าพยายามทำเรื่องง่ายให้ยากและหลงลืม basic ของการเล่นฟุตบอลไปแล้ว
การพลาดก่อนนำมาสู่การเสียประตูของ TAA ทำให้เกือบทั้งทีมดูตื่นๆและไม่มั่นใจตามไปด้วย แม้กระทั่ง อลิสซอน บอลลั่นต้องทำฟาว์ลเสียใบเหลือง เป็นภาพที่เรามักเห็นจากทีมเล็กๆที่ shaky หน้าประตูตัวเอง
สำหรับใบแดงของ แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่เสียงแตกว่ารุนแรงไป จริงๆแล้วถ้าบอลอยู่เลียดพื้นผมมั่นใจว่าแค่เหลือง
แต่ในเมื่อบอลกระเด้งสูงและแม็คเข้าช้ากว่ายันเข้าที่หน้าแข้งภาพที่ออกมาจึงดูโหดกว่ายันข้อเท้าซึ่งผู้ตัดสินอังกฤษตัดสินตามตำราขั้นตอนจึงลงล็อกเป็นใบแดง
ทั้งนี้ทั้งนั้นเราสามารถอ้างอิงเพิ่มเข้าไปด้วยว่า “แม็ค” กับ ไรอัน คริสตี้ เข้าบอลแทบจะวินาทีพร้อมๆกัน (เจตนาเล่นบอล) ไม่ได้เข้าจังหวะขาดที่ตั้งใจวางเหมือนที่เราเห็นกันบ่อยๆ
แม้กระทั่ง อันโดนี่ อิราโอล่า กุนซือ บอร์มัธ จะให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า it did not look like a red card
เมื่อตัวน้อยกว่าไม่มีทางเลือกครับ เอ็นโดะ ได้ลงสนามเร็วกว่าที่คาดไว้ คือถ้าไม่จำเป็น คล็อปป์ น่าจะส่งแบบท้ายๆเกมเอาบรรยากาศเนื่องจากแข้งทีมชาติ ญี่ปุ่น วัย 30 ปีเพิ่งมาถึง อังกฤษ เมื่อวานและตรวจร่างกายเสร็จหมาดๆ
เรียกว่ายังไม่ได้ลงซ้อม หายใจเข้าปอดได้ไม่ครบ 24 ชม.เลยมั๊งนั่น
ดังนั้นเรื่องฟอร์มไม่ขอวิจารณ์ ผมด่าลิเวอร์บ่อยก็จริงแต่ไม่เนกาทีฟแบบไร้เหตุผล ลงเล่นบ่อยๆซ้อมบ่อยๆยังมีเวลาตัดเกรดเหลือเฟือ
แต่ที่แน่ๆคือการแย่งบอลและพัวพันคือสิ่งที่เดอะ ค็อป อยากเห็นที่สุดซึ่งวันนี้เห็นไปบ้างแล้ว (แม้สปีดยังดูน่าห่วง)
วิงวอนขอเดอะ ค็อปที่เริ่มด่าตั้งแต่ออกข่าว Official ให้เวลานักเตะด้วยครับ เข้าใจว่าเพิ่งทำสงครามแย่งตัวท็อปอย่าง ไคเซโด้ หรือ ลาเวีย มาหมาดๆ
แต่การด่าก่อนเห็นฟอร์มในสนามมันสักแต่ด่าเกินไปหน่อย
ครับเพิ่งมาแค่ 2 นัดแต่ “หงส์แดง” มีอะไรต้องปรับจูนกันอีกเยอะเลย การดูบอลที่มีแต่ความอึดอัดแม้กระทั่งได้จุดโทษแต่ไม่มีความเชื่อมั่นเหลืออยู่เลย (ไม่ว่าจะคนดูหรือคนยิง) เป็นฟีลลิ่งที่ผมไม่ชอบเอาซะเลย
วันนี้นับว่าโชคดีที่ปัญหาต่างๆในเกมนี้มาเกิดขึ้นกับคู่แข่งอย่าง บอร์นมัธ ที่เล่นในระดับชวนทะเลาะชวนปวดหัวได้อยู่แต่จังหวะสังหารอ่อนแอมาก ลูกเหน่งๆควรไล่มาเป็น 3-2 ยังอุตสาห์ไปแย่งกันเอง
ทำงานสบายๆที่บ้านมันผ่านไปแล้วครับ การเจอของแข็งอย่าง นิวคาสเซิ่ล ที่เซนต์ เจมส์พาร์ค วันอาทิตย์หน้าโดยที่ไม่มี AMA จะถอดบทเรียนอะไรอีกบ้างไว้รอดูกันครับ…
สถิติ สถิติ สถิติ
โม กลายเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล โม ซาลาห์ ยิงประตูที่ 187 ให้ ลิเวอร์พูล แซงหน้า สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ขึ้นมาอยู่ที่ 5 ตลอดกาลของสโมสรต่อจาก เอียน รัช (346), โรเจอร์ ฮันท์ (285), กอร์ดอน ฮัดจ์สัน (241) และ บิลลี่ ลิดเดิ้ล (228)
โม กลายเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล คนแรกที่ไม่ยิงก็จ่ายที่ แอนฟิลด์ 10 เกมติดต่อกันแถมยังเป็นแข้งคนแรกในพรีเมียร์ที่ทำสถิติดังกล่าวในบ้าน 10 นัดติดนับตั้งแต่ เจมี่ วาร์ดี้ ทำไว้เมื่อเดือนธันวาคม 2015 (10 เท่ากัน)
ในวัย 24 ปี 316 วัน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของ ลิเวอร์พูล ที่ลงเล่นครบ 200 นัด (ไมเคิ่ล โอเว่น ทำไว้ 24 ปี 34 วัน เมื่อปี 2004)
ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ในบ้านใน 13 เกมลีกหลังสุด (ชนะ 10 เสมอ 3) ในขณะที่พวกเขาไม่แพ้เกมในบ้านนัดแรกของฤดูกาลมานานถึง 20 ฤดูกาล (ชนะ 15 เสมอ )
ประตูตั้งแต่นาทีที่ 2.30 ของ อองตวน เซเมนโย่ เป็นประตูที่ทีมเยือนยิงในแอนฟิลด์เร็วที่สุด (เฉพาะในพรีเมียร์) นับั้งแต่ เปโดร เนโต้ เคยยิงให้ วูลฟ์ เมื่อปี 2022 (2.11) และนับเป็นประตูที่เร็วที่สุดอันดับ 5 ที่ “หงส์แดง” เสียในแอนฟิลด์ภายใต้การทำทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์
ที่มา: soccersuck

