เกลียดทีมชาติ! ‘หัวขิง’ รับ ‘สิงโตยุคตน’ ขี้แพ้-ติดอีโก้

เกลียดทีมชาติ! ‘หัวขิง’ รับ ‘สิงโตยุคตน’ ขี้แพ้-ติดอีโก้

สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตัน ลิเวอร์พูล เปิดใจเคยเกลียดการรับใช้ทีมชาติ พร้อมชี้สาเหตุ อังกฤษ ยุคเขาไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเหล่าผู้เล่นคือผู้แพ้ที่เต็มไปด้วยอีโก้

“หัวขิง” รับใช้ “สิงโตคำราม” ไป 114 นัด ระหว่างปี 2000-2014 เข้าร่วม 6 ทัวร์นาเมนต์เมเจอร์ ไม่เคยไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ

“ตอนนั้นเราทุกคน คือพวกขี้แพ้ที่เต็มไปด้วยอีโก้” เจอร์ราร์ด กล่าวย้อนความ ระหว่างออกรายการตอนล่าสุดของ ริโอ เฟอร์ดินานด์

“ตอนนี้ผมดูทีวี แล้วได้เห็น เจมี่ คาร์ราเกอร์ นั่งข้าง พอล สโคลส์ กับ แกรี่ เนวิลล์ เหมือนพวกเขาเป็นเพื่อนรักกันมา 20 ปี”

“หรือตอนนี้ตัวผมเอง ก็อาจสนิทกับ ริโอ มากกว่าตลอด 15 ปี ที่เราเคยเล่นด้วยกันในทีมชาติ”

“ทำไมเราไม่สานสัมพันธ์กันตอนอายุ 20, 21, 22 หรือ 23? มันเป็นเพราะอีโก้ หรือความเป็นอริในสโมสร?”

“คำตอบคือวัฒนธรรมในแคมป์ เราไม่ได้เป็นมิตรหรือสานสัมพันธ์กัน เราไม่ใช่ทีม ไม่เคยมีช่วงไหนที่เราเป็นทีมที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง”

นอกจาก เจอร์ราร์ด, สโคลส์, เฟอร์ดินานด์ แล้วช่วงเวลาเดียวกัน อังกฤษ ยังมียอดแข้งทั้ง เวย์น รูนี่ย์, แฟรงค์ แลมพาร์ด, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล

“ผมเกลียดมัน ผมไม่มีความสุขในทีมชาติ ผมเกลียดการอยู่ห้องพักในโรงแรม” เจอร์ราร์ด กล่าวต่อ

“ช่วงเริ่มต้นกับทีมชาติ มีหลายวันที่ผมหดหู่สุดๆ ผมเก็บตัวอยู่ในห้อง 7 ชั่วโมง โดยไม่รู้ว่าจะทำอะไร”

“ตอนนั้นไม่มีโซเชียลมีเดีย เราไม่มีเครื่องเล่นดีวีดีหรืออะไรทำนองนั้น เราดูได้แค่รายการที่ฉายในทีวี 5 ช่อง”

“ผมเคยหลงรักและภูมิใจมากที่ได้เล่นให้อังกฤษ ผมมีความสุขกับการซ้อม แต่มันแค่ 90 นาทีต่อวัน จากนั้นผมก็ต้องอยู่คนเดียว”

“ผมไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม ผมไม่รู้สึกเชื่อมต่อกับเพื่อนร่วมทีม ผมต้องการแค่ฝึกซ้อม, ลงแข่ง จากนั้นก็แยกย้าย”

“ผมไม่เคยรู้สึกแบบนั้นกับ ลิเวอร์พูล วันที่ดีสุดในชีวิตผมเกิดขึ้นที่นั่น เหล่าสตาฟฟ์ให้การดูแล และทำให้รู้สึกพิเศษ จนผมรอไม่ไหวที่จะเข้าสโมสร”

หลังจบยุค เจอร์ราร์ด ทีมชาติภายใต้โค้ช แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ยังไม่มีถ้วยเมเจอร์ แต่เป็นรองแชมป์ ยูโร สองสมัย และจบอันดับ 4 บอลโลก 2018

“เซาธ์เกต ได้รับการยกย่องน้อยเกินไป จากวิธีที่เขาเชื่อมต่อทีมเข้าด้วยกัน” เจอร์ราร์ด เพิ่มเติม

“ในยุคผม เรามีพรสวรรค์แล้ว มันอาจมีเรื่องโชคร้ายแบบจุดโทษ แต่เราต้องรับผิดชอบ ผมหงุดหงิดเสมอเมื่อมองย้อนกลับไป เราควรทำดีกว่านี้ มันมีหลายปัจจัย แต่ที่สำคัญ คือเราไม่ใช่ทีม”

ที่มา: soccersuck