‘ทอม ฮิคส์’ อดีตเจ้าของร่วมหงส์เสียชีวิตในวัย 79 ปี

‘ทอม ฮิคส์’ อดีตเจ้าของร่วมหงส์เสียชีวิตในวัย 79 ปี

ทอม ฮิคส์ นักธุรกิจชาวอเมริกันอดีตเจ้าของร่วมของสโมสร ลิเวอร์พูล เสียชีวิตลงเมื่อวานนี้ (เสาร์) ด้วยวัย 79 ปี

ฮิคส์ เคยเป็นเจ้าของร่วมของ ลิเวอร์พูล อยู่ 3 ปีครึ่งก่อนขายทีมในปี 2010 และโฆษกของเขาคอนเฟิร์มว่าเขาเสียชีวิตลงแล้วท่ามกลางลูกหลานและครอบครัว

“ในบรรดาความสำเร็จที่ ทอม ฮิคส์ ไขว่คว้ามาได้ในช่วงชีวิตอันยอดเยี่ยมของเขา ความสำเร็จอันน่าชื่นชมที่สุดของเขาคือการเป็นพ่อ ไม่ว่าจะพบกับบททดสอบและความยากลำบากขนาดไหนในชีวิต เขายังคงใจดีและรักใคร่ครอบครัวของเขาเสมอ” ครอบครัวของ ฮิคส์ แถลง

“เขาเป็นคนที่คอยชี้นำทางให้กับครอบครัวของเราและเป็นเกียรติอย่างมากที่เราจะได้สานต่อสิ่งที่เขาทำเอาไว้ แล้วถึงแม้เราจะเสียใจอย่างยิ่งกับการจากไปครั้งนี้แต่เราก็ภาคภูมิใจที่ได้เป็นลูกของเขา”

ช่วงเวลาที่ ฮิคส์ เป็นเจ้าของ “หงส์แดง” นั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย หลังเขาและ จอร์จ จิลเล็ตต์ เพื่อนนักลงทุนชาวอเมริกันร่วมถือหุ้นสโมสรคนละครึ่ง

เขาหวังว่าจะสร้างความสำเร็จได้เหมือนตอนที่เป็นเจ้าของ ดัลลาส สตาร์ส ทีมฮ็อกกี้น้ำแข็งซึ่งคว้าแชมป์สแตนลี่ย์ คัพในปี 1999 รวมถึงเป็นเจ้าของ เท็กซัส เรนเจอร์ส ทีมเบสบอลระหว่างปี 1998-2010 ที่คว้าแชมป์อเมริกัน เวสต์ ดิวิชั่นได้ 3 สมัยและได้เล่นเวิลด์ซีรี่ส์

อย่างไรก็ตาม “หงส์แดง” ต้องพบกับหนี้ก้อนโตตอนเขาเป็นเจ้าของทีม รวมถึงมีปัญหากับ ริค เพอร์รี่ อดีตซีอีโอและ ราฟา เบนิเตซ กุนซือในตอนนั้น จนสุดท้ายเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมเป็น รอย ฮอดจ์สัน แต่ก็พบกับความล้มเหลว

พวกเขาไม่มีแชมป์ติดมือในช่วงที่ ฮิคส์ และ จิลเล็ตต์ เป็นเจ้าของด้วยเช่นกัน จนพบกับการต่อต้านมากมายจากแฟนบอล

ท้ายที่สุด ฮิคส์ และ จิลเล็ตต์ ก็ตกลงขายสโมสรให้กับ เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป (FSG) เจ้าของทีมรายปัจจุบันในปี 2010

เชื่อว่าตอนนั้นทั้งสองคนพยายามเรียกราคาให้มากถึง 600-1,000 ล้านปอนด์ แต่สุดท้ายแล้ว FSG ก็ตกลงราคาได้ที่ 300 ล้านปอนด์ซึ่งมากกว่าราคาที่ ฮิคส์ และ จิลเล็ตต์ จ่ายไปประมาณ 80 ล้านปอนด์

อย่างไรก็ตามด้วยหนี้ที่มากกว่า 200 ล้านปอนด์ ทำให้ทั้งสองคนที่ได้รับฉายา “ปลิงมะกัน” ขาดทุนไปเกือบ 150 ล้านปอนด์

ช่วงหนึ่งของชีวิต ฮิคส์ เคยมีทรัพย์สินมูลค่ามากถึง 1 พันล้านเหรียญ แต่ทรัพย์สินของเขาลดลงมาพอสมควรจากความล้มเหลวหลายหนในด้านการลงทุน

ที่มา: soccersuck