‘น้ามู’ หยิกจมูกกุนซือกาลาฯเสี่ยงโดนแบนย้อนหลัง
โชเซ่ มูรินโญ่ ก่อเรื่องอีกแล้ว คราวนี้เขาหยิกจมูกของ โอคาน บูรุค กุนซือกาลาตาซาราย ระหว่างเกมที่ เฟเนร์บาห์เช่ พ่ายคาบ้านด้วยสกอร์ 2-1 ในศึกดาร์บี้แมตช์แห่งอิสตันบูล ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย เตอร์กิช คัพ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
เกมนี้มีดราม่าชุลมุนช่วงท้าย ซึ่งเกิดจากการกระทำของ มูรินโญ่ เอง จนนำไปสู่ใบแดง 3 ใบ โดยเป็นของ เมิร์ต ยานดาส จากเฟเนร์บาห์เช่ และของฝั่งกาลาตาซาราย ได้แก่ เคเรม เดเมียร์บาย กับ บาริส ยิลมาซ
จังหวะเดือดเกิดขึ้นเมื่อ มูรินโญ่ เดินลงสนามและปะทะกับ บูรุค กุนซือคู่แข่ง โดยดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะเอามือไปหยิกจมูกของอีกฝ่าย
บูรุค ถึงกับล้มลงไปกองกับพื้น พร้อมจับจมูกและใบหน้าของตัวเอง ขณะที่นักเตะทั้งสองทีมกรูกันเข้ามาห้ามเหตุการณ์วุ่นวาย
สุดท้ายกรรมการแจกใบแดงให้ 3 นักเตะในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 2 ส่วนมูรินโญ่ถูกทีมงานโค้ชของเขาดึงตัวออกจากสนาม
แม้ว่ากุนซือชาวโปรตุเกสจะไม่ถูกลงโทษทันทีในเกมนั้น แต่มีโอกาสสูงที่เขาจะถูกแบนย้อนหลัง เนื่องจากเหตุการณ์นี้กลายเป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว
ถือเป็นจุดจบที่ร้อนแรงของค่ำคืนอันเลวร้ายของมูรินโญ่ หลังจากทีมของเขาต้องกระเด็นตกรอบบอลถ้วยตุรกี โดยเกมนี้ วิคเตอร์ โอซิมเฮน เหมาสองประตูให้กาลาตาซาราย ส่วน เซบาสเตียน ชีมานสกี้ ทำประตูเดียวให้เฟเนร์บาห์เช่
ความบาดหมางระหว่าง มูรินโญ่ และ บูรุค มีมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยย้อนกลับไปในเดือนกุมภาพันธ์ มูรินโญ่ถึงขั้นฟ้องร้องกาลาตาซาราย หลังจากที่พวกเขากล่าวหาว่าเขาใช้คำพูดเหยียดเชื้อชาติ
เรื่องเกิดขึ้นหลังเกมดาร์บี้ที่เสมอกัน 0-0 โดยมูรินโญ่ให้สัมภาษณ์ว่าฝั่งกาลาตาซาราย “กระโดดกันเหมือนลิง” ซึ่งทำให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก
นอกจากจะตกรอบบอลถ้วยแล้ว ตอนนี้ทีมของมูรินโญ่ยังตามหลังจ่าฝูงกาลาตาซารายในลีกอยู่ 6 แต้ม แถมแข่งมากกว่าอีก 1 นัด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ มูรินโญ่ มีปัญหากับกุนซือฝั่งตรงข้าม ย้อนกลับไปในปี 2011 ตอนคุมเรอัล มาดริด เขาเคยจิ้มตา ติโต้ บีลาโนบา ผู้ช่วยโค้ชของบาร์เซโลน่า ซึ่งตอนแรกเขาถูกแบน 2 นัด แต่บทลงโทษถูกยกเลิกในภายหลัง
กว่ามูรินโญ่จะยอมรับผิดและขอโทษบีลาโนบา ก็ผ่านไปถึง 10 ปี โดยเขากล่าวว่า “ผมผิดเอง ไม่ควรทำแบบนั้นเลย มันกลายเป็นภาพจำที่ติดตัวผมไปตลอด ติโต้ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย ผมขอโทษเขาจริง ๆ”
มูรินโญ่จิ้มตาบีลาโนบา เมื่อปี 2011
ที่มา: soccersuck